“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บรรลุข้อตกลงซิว โจ ฮาร์ดี้ กองหน้าดาวรุ่งจากทีม เบรนท์ฟอร์ด จากลีกแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ในช่วงเปิดตลาดรอบสอง โดยเป็นรายที่สองต่อจาก ทาคุมิ มินามิโนะ ดาวเตะญี่ปุ่น เรียบร้อย
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ซิวดาวเตะรายที่สองเข้าก๊วนเรียบร้อย ในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาว ด้วยการคว้าตัว โจ ฮาร์ดี้ กองหน้าดาวรุ่งจากทีม เบรนท์ฟอร์ด จากลีกแชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ม.ค. 62 ที่ผ่านมา
โดย โจ ฮาร์ดี้ ในวัยอายุ 21ปี เป็นเด็กสร้างจากสโมสรแมนฯซิตี้ ก่อนทำผลงานยอดเยี่ยม กับทีม เบรนท์ฟอร์ด บี จนเข้าตา เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่หงส์แดง ด้วยสถิติลงเล่น80นัด ซัดไป40ประตู
ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจาก นีล แม็กฟาเลน โค้ชของทีม เบรนท์ฟอร์ด บี โดยกล่าวว่า “โจอยู่ที่นี่มาหลายปี และปีที่แล้ว เขาก็มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม ทำผลงานดี ยิงประตูได้มากเมื่อเทียบกับจำนวนนัดที่เขาลงแข่งขัน”
“มันถึงเวลาแล้วที่เวลาของเขากับทีมจะสิ้นสุดลง เพื่อให้เขาไปพิสูจน์ศักยภาพความสามารถกับทีมขนาดใหญ่อย่างลิเวอร์พูล ซึ่งน่าจะเป็นผลดีสำหรับเขา เพราะสโมสรนี้กำลังทะยานสู่ความยิ่งใหญ่ พวกเขาเป็นแชมป์ยุโรป และกำลังอยู่จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก และการที่มีผู้เล่นศักยภาพระดับนั้นอยู่รอบๆ และได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม ด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับโจ”
โดย โจ ฮาร์ดี้ เป็ยนักเตะที่ลิเวอร์พูล ดึงเข้าทีมในช่วงเปิดตลาดรอบสอง ต่อจาก ทาคุมิ มินามิโนะ ดาวเตะแดนซามูไร ย้ายจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก และมีโอกาสได้ลงเล่นเปิดตัวเกมแรก ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 70 โดย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ลงมาเล่นแทน ในเกมเอฟเอคัพ เกมชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 เมื่อคินวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ฟิออปลดโค้ชไม่เป็นผล โดนโบโลญญ่าตามเจ๊าทดเจ็บ ไร้ชัย6เกมติด
จูเซ็ปเป้ ยาคินี่ เกือบจะพา ฟิออเรนติน่า ประเดิมด้วยการเก็บ 3 แต้มแล้วแท้ๆ แต่มาโดน โบโลญญ่าทำแสบซัดตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บแบ่งแต้มไปด้วยสกอร์ 1-1 ทำให้ทัพม่วงมหากาฬไม่ชนะใครเป็นเกมที่ 6 ติดต่อกันในลีกรั้งที่ 15 ของตาราง ในศึกฟุตบอลกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี ประจำวันที่ 6 มกราคม 2563
ศึกฟุตบอลกัลโช่ เซเรียอา อิตาลี นัดที่ 18 ประจำวันที่ 6 มกราคม 2563 ที่สนาม เรนาโต้ ดัลลาร่า เจ้าถิ่น โบโลญญ่า เปิดบ้านรับมือ ฟิออเรนติน่า
ซินิซ่า มิไฮโลวิช เทรนเนอร์ โบโลญญ่า ต้องปราศจากตัวเจ็บอย่าง มิตเชลล์ ไดจ์ส, ลาดิสลาฟ เครจ์ซี่ และ เบลริม เซมายลี่ อย่างไรก็ตาม ยังได้ ดานิโล่ พ้นโทษแบนกลับมาคุมเกมรับร่วมกับ มัตเตีย บานี่
ด้าน ฟิออเรนติน่า เพิ่งปลด วิเชนโซ่ มอนเตล่า พ้นจากตำแหน่ง พร้อมแต่งตั้ง จูเซ็ปเป้ ยาคินี่ เป็นนายใหญ่คนใหม่ เกมนี้มีข่าวดีได้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ฟิตกลับมาประจำการในแนวรุก ทำให้ขาดเพียง ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่เจ็บไปคนเดียวเท่านั้น
เริ่มครึ่งแรกมาทั้งสองทีมเปิดเกมแลกใส่กันทันที และเป็น โบโลญญ่า ที่ได้ลุ้นขึ้นนำก่อน ใน น.12 ปาลาซิโอ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดผ่านมือ บาร์โตเมีย ดราคอฟสกี้ เข้าประตูไป แต่ผู้ช่วยยกธงเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน และผู้ตัดสินเช็ควีเออาร์ยังยืนยันคำตัดสินเดิมทำให้ผ่าน 15 นาที ทั้งคู่ยังเสมอ 0-0
จากนั้น น.14 เป็นโอกาสของทีมม่วงมหากาฬบ้าง เฟเดริโก้ เคียซ่า ลากตัดเข้าในแล้วปั่นด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลพุ่งเสียบเสาไกลแต่ ลูคัสซ์ สโครุปสกี้ ยังพุ่งปัดออกหลังไปได้หวุดหวิด
แม้เจ้าถิ่นจะเป็นฝ่ายบุกใส่มากกว่าแต่กลายเป็น ฟิออเรนติน่า ที่มาได้ประตุขึ้นนำ 1-0 ใน น.27 แนวรับ โบโลญญ่า เคลียร์บอลไม่ขาดมาเข้าทาง มาร์โก เบนาสซี่ หวดสวนทางบอลพุ่งเสียบเสาแรกเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ก่อนจะจบครึ่งแรกไปก้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเกมดำเนินมาถึง น.70 ทีมเยือนได้ลุ้นลูกสอง เฟเดริโก้ เคียซ่า หลุดเดี่ยวมาซัดจ่อๆ ด้วยขวา แต่ ลูคัสซ์ สโครุปสกี้ พุ่งเซฟไว้ได้ หลังจากนั้นทั้งสองทีมยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม ฟิออเรนติน่า บุกชนะ โบโลญญ่า 1-0 กลับมาเก็บชัยชนะนัดแรกในรอบ 6 เกมขยับขึ้นมารั้งที่ 13 ของตาราง
เกมทำท่าว่าจะเป็นชัยชนะของ ฟิออ อยู่แล้ว แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+4 โบโลญญ่า ตามตีเสมอเป็น 1-1 จากลูกฟรีคิกสุดสวยของ ริคคาร์โด้ ออร์โซลินี่ ปั่นด้วยซ้ายบอลเสียบสามเหลี่ยมเข้าไป ก่อนจะแบ่งแต้มกันไป
อ่านเพิ่มเติม >>> www.ufabetwinS.com
คลิกเลย >>> https://kasthurimmc.com